ผิวมี 5 ประเภท แบ่งตามลักษณะผิวได้ดังนี้

1.ประเภทผิวรรมดา(Normal Skin)

ผิวที่เป็นกลางคือผิวธรรมดาของเรา และค่า pH ของมันอยู่ระหว่าง 5-5.6 ซึ่งเหมาะสำหรับผิวที่มีสุขภาพดี การหลั่งของต่อมไขมันและต่อมเหงื่ออยู่ในระดับปานกลาง ไม่มันเยิ้ม ไม่แห้ง และไม่แก่ง่าย ละเอียดอ่อนและยืดหยุ่น ไม่ไวต่อสิ่งเร้าภายนอก และไม่มีรอยตำหนิบนผิวหนัง พบได้บ่อยในเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงก่อนการพัฒนา ทารก และคนที่ได้รับการดูแลอย่างดี

✨ผิวธรรมดา: การทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื้นขั้นพื้นฐานสามารถรักษาผิวที่ดีได้

　　ผิวที่เป็นกลางคือสิ่งที่เรียกว่าผิวสวย โดยมีอัตราส่วนของน้ำและน้ำมันปกติ รูขุมขนกว้าง ผิวยืดหยุ่นและเป็นมันเงา การทำความสะอาดและความชุ่มชื้นขั้นพื้นฐานสามารถรักษาผิวที่แข็งแรงและดี สำหรับคนที่มีผิวธรรมดามีทางเลือกมากมาย ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว คุณควรให้ความสำคัญกับการปกป้องผิวให้พ้นจากแสงแดดให้มากขึ้น คุณก็สามารถมีผิวที่ตีและสมบูรณ์แบบได้

สรุป ลักษณะของผิวธรรมดา

• ผิวไม่มันและไม่แห้งจนเกินไป
• ผลิตน้ำมันได้สมดุล
• รูขุมขนเล็ก
• ไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสิว
• มีการไหลเวียนโลหิตที่ดี
• ผิวเรียบเนียน

วิธีวิเคราะห์ผิว  ลักษณะเหมือนผิวของเด็กเ

2.ประเภทผิวแห้ง(Dry Skin)

ผิวแห้งหมายถึงผิวที่บอบบาง มีรูขุมขนที่ไม่เด่น มีการหลั่งไขมันน้อยลง และไม่มีความรู้สึกเยิ้ม ผิวแห้งดูสะอาด ละเอียดอ่อน และสวยงาม เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนไป ผิวจะแห้ง ลอก มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยและจุดด่างดำ ไม่ค่อยมีสิวและรู้สึกหยาบเมื่อสัมผัสผิว

✨ผิวแห้ง: รูขุมขนเล็กมักเกิดริ้วรอย ให้ใส่ใจกับการเติมน้ำและน้ำมัน

　　ที่เรียกว่า ผิวแห้ง หมายถึง ขาดความชุ่มชื้น และความมัน และดูตึง ขาดความยืดหยุ่น แห้งกร้าน ความหมองคล้ำ บนพื้นผิว และแม้กระทั่งรอยแตก และ desquamation ผิวประเภทนี้มีรูพรุนเล็ก ๆ แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเติมน้ำและน้ำมันให้มากขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ให้ความชุ่มชื้นแล้วให้ใช้โลชั่นหรือครีมมันเพื่อล็อคน้ำ . จำนวนครั้งที่คุณสามารถล้างหน้าด้วยน้ำยาทำความสะอาดผิวหน้าได้ครั้งเดียว ต่อวัน ขอแนะนำให้ให้ความชุ่มชื้นและให้ความชุ่มชื้นโดยให้ใช้มาสก์สัปดาห์ละสองครั้ง

สรุป ลักษณะของผิวแห้ง

• ผิวดูขาดน้ำ แห้งกร้าน
• ผิวลอกเป็นขุย
• มีอาการคันบ่อย
• รูขุมขนเล็ก ละเอียด
• มีริ้วรอยก่อนวัย

วิธีวิเคราะห์ผิว  เวลาล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าแห้งตึง และเมื่อซับหน้าด้วยกระดาษซับมัน ไม่พบน้ำมันถูกดูดซับ

3.ประเภทผิวมัน (Oily Skin)

เป็นผิวที่มีปริมาณน้ำของ stratum corneum อยู่ที่ประมาณ 20%, pH <4.5, การหลั่งไขมันมีความแข็งแรง, ผิวมันเยิ้มและเงางาม, รูขุมขนกว้าง, และติดฝุ่นได้ง่าย พบมากในคนอายุน้อย วัยกลางคน และเป็นโรคอ้วน มีแนวโน้มจะเป็นสิว ผิวหนังอักเสบจากไขมัน และโรคผิวหนังอื่นๆ

✨ ผิวมัน : รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยไม่ขึ้นง่าย ใส่ใจควบคุมความมัน

　　ผิวมัน คือ ผิวประเภทหนึ่งที่มีความมันวาวบนใบหน้า เสมอ ส่วนรูปตัว Tของหน้าผากและจมูกมีความมันเยิ้ม มักมีสิวหัวดำ สิวเสี้ยน และสิวขึ้น และแต่งหน้าและถอดแต่งหน้าได้ง่าย ประเภทนี้ ของผิวมีรูขุมขนกว้างไม่ยืดหยุ่นง่าย มีริ้วรอย มักจะต้องใส่ใจในการทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื้น อย่าลืมว่าผิวแห้งเกินไปก็เป็นสาเหตุของผิวมันเช่นกัน! ผู้ที่มีผิวมันสามารถล้างหน้าวันละ 2-3ครั้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและบำรุงผิวที่ให้ความสดชื่นเพื่อควบคุมการหลั่งน้ำมัน นอกจากนี้ แนะนำให้ลดทานอาหารประเภท ทอด รสหวาน และรสเผ็ดน้อยลง

สรุป ลักษณะของผิวมัน

•  น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมากเกินไป
• หน้ามันเยิ้มสมปรกง่าย
• มีสิวเสี้ยน สิวหัวดำ
• ผิวเงา มันวาว รูขุมขนกว้าง

วิธีวิเคราะห์ผิว  เมื่อซับหน้าด้วยกระดาษซับมัน จะเห็นน้ำมันอย่างชัดเจนเป็นดวงๆ ส่วนใหญ่มาจากบริเวณจมูก หน้าผากและโหนกแก้ม ผิวดูหนา อาจมองเห็นเส้นเลือดไม่ชัดเจน

4. ประเภทผิวผสม(Combination Skin)

ผิวที่มีการผสมผสานระหว่างผิวแห้ง ผิวธรรมดา หรือผิวมัน ส่วนใหญ่มีความมันที่ส่วนกลางของใบหน้า (แก้ม จมูก ร่องแก้ม และคาง) และผิวที่เป็นกลางหรือแห้งที่แก้มทั้งสองข้างและบริเวณขมับ

✨ ผิวผสม: วิธีบำรุงรักษาแบบพาร์ติชั่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์มัน ออยล์แบบแห้ง

　　คนส่วนใหญ่เป็นประเภทผิวผสม ผิวประเภทนี้เป็นการผสมผสานระหว่างผิวมันและผิวแห้งโดยปกติแล้ว หน้าผาก จมูก และคางจะเป็นผิวมัน แก้ม และบริเวณรอบดวงตามีผิวแห้งและตึง  ขอแนะนำให้ทำความสะอาดและบำรุงรักษาผิวโดยใช้ 2 วิธี คือ บริเวณที่มีความมันส่วนใหญ่จะชุ่มชื้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสดชื่น และบริเวณที่แห้งจะได้รับการบำรุงด้วยโลชั่นหรือครีม ที่มี ความมัน การรักษาตามปกติยังช่วยลดสภาวะของผิวผสมและทำให้ง่ายต่อการรักษาสภาพที่ดี

สรุป ลักษณะของผิวผสม

• มันบริเวณ T-Zone (หน้าผากคางและจมูก)
• ผิวแห้งบริเวณโหนกแก้มและข้างแก้ม
• รูขุมขนใหญ่บริเวณ T-Zone
• สิวผดขึ้นบริเวณหน้าผาก

วิธีวิเคราะห์ผิว  หลังจากตื่นนอนตอนเช้า หากปรากฏน้ำมันบริเวณ T-Zone (หน้าผาก สันจมูก จนถึงปลายคาง) บนกระดาษซับมัน และผิวแห้งบริเวณแก้ม

5.ประเภทผิวแพ้ง่าย(Sensitive skin)

ชั้นผิวของผิวหนังมีความบาง ผิวหนังจะตื้น เปราะบาง ขาดความยืดหยุ่น ดังนั้น ผิวหนังจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น รอยแดง บวม อุณหภูมิผิวสูงขึ้น และขาดน้ำเมื่อผิวหนังเปลี่ยนแปลง ฤดูกาลหรือถูกกระตุ้นด้วยความเย็นและความร้อน ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผิวจะบาง และชั้นป้องกันที่แห้งและเปียกของผิวไม่สมดุล ซึ่งง่ายต่อการทำให้เกิดการคายน้ำเรื้อรังและการสูญเสียส่วนประกอบของน้ำมันบ่อยครั้ง หากคนมีผิวแห้งและแพ้ง่าย ควรรักษาน้ำมันไว้ในระดับปานกลาง แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมันอาจทำให้เกิดสิวและผิวมันเยิ้มได้

✨ ผิวแพ้ง่าย: ผิวแพ้ง่ายเป็นสภาวะที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกได้ง่าย

　　​อาการแพ้ของผิว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งหรือผิวมันจึงมีโอกาสเผชิญปัญหาผิวแพ้ง่ายได้ ผิวแพ้ง่ายมีผิวที่บางลงและมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยแดง และ microvessels ที่เห็นได้ชัดเจน , ฉันมักมีผื่นขึ้น, คันและมีไข้, และบางครั้ง desquamation. ขอแนะนำให้เพิ่มความชุ่มชื้น . เมื่อแต่งหน้าคุณสามารถใช้เบบี้ออยล์บริสุทธิ์เพื่อละลายเครื่องสำอางแล้วใช้น้ำยาทำความสะอาดผิวหน้าที่ปราศจากสบู่เพื่อล้าง ใบหน้าของคุณ ยิ่งรายการบำรุงรักษาน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นของส่วนผสมทางเคมีเครื่องเทศและแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป ควรดูแลสุขภาพของผิวก่อนการบำรุงในขั้นตอนต่างๆต่อไป!

สรุป ลักษณะของผิวแพ้ง่าย

• ผิวหน้าตีง แพ้ง่าย
• ผื่นขึ้นและอักเสบง่าย
• ระคายเคืองต่อผลิตภัณฑ์ทั่วไป
• สุขภาพผิวไม่แข็งแรง

วิธีวิเคราะห์ผิว  ผิวที่ระคายเคืองง่ายต่อผลิตภัณฑ์ทั่วไป มักเกิดอาการแพ้บ่อยๆ สุขภาพผิวไม่แข็งแรง